หาสินค้าอย่างไรให้แม่นยำ 100%

จะว่าไปการหาสินค้ามาขาย ก็ถือเป็นศาตร์อย่างนึงนะครับ ช่วงที่เราไม่อยากขายของ เรามักจะเจอสินค้าที่น่าสนใจเสมอ ๆ และมักจะคิดเสมอว่า อืม สินค้าชิ้นนี้น่าจะเวิร์คนะ สินค้าชิ้นต้องทำกำไรแน่ ๆเลย แต่ปัญหาอยู่ที่ เรามักจะคิดในตอนที่เรายังไม่พร้อมจะเริ่มทำธุรกิจนั่นเอง

แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ในวันที่เราพร้อมจะเริ่มทำอะไรสักอย่างหนึ่ง โชคชะตามักจะเล่นตลก ไอ้เจ้าไอเดียและพรสวรรค์ต่าง ๆของเรา ที่เราเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเรามาตลอดก็มักจะหายไป ว่าง่าย ๆคือ เราไม่สามารถหาสินค้าดี ๆมาขายได้ หมดไอเดีย นึกไม่ออก ไม่รู้จะเอาอะไรมาขายดี นำเข้าส่งออกอะไรดี ไอ้สินค้าที่ว่าเจ๋ง ๆที่สมัยก่อนเคยเห็น ก็ไม่สามารถเอามาขายได้แล้ว อาจจะเพราะคู่แข่งเยอะขึ้น หรืออาจจะเพราะมันหมดยุคไปแล้ว

ดังนั้น การหาสินค้ามาขาย จึงจำเป็นที่จะต้องมีสูตรการคิดแบบตายตัว หมายถึง หากเราอยากนำสินค้ามาขายเมื่อไหร่ เราต้องสามารถหาได้ภายใน 2 อาทิตย์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้พรสวรรค์หรือโอกาสใด ๆทั้งสิ้น สิ่งเดียวที่เราต้องใช้ในการหาสินค้าคือ เหตุและผลที่แท้จริง คำว่าเหตุผลในมุมมองของผม ไม่ได้หมายถึงเหตุผลว่าทำไมเราจึงเลือกสินค้าชิ้นนี้นะครับ แต่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนซื้อต้องซื้อสินค้าชิ้นนี้ และทำไมเค้าต้องอยากได้สินค้าชิ้นนี้ ซึ่งหากคุณไม่ใช้วิชาตาทิพย์ในแบบฉบับของผม คุณอาจจะใช้หลักเกณฑ์ง่าย ๆ ในการคัดเลือกสินค้าเพื่อขายในอินเตอร์เน็ต ดังนี้ครับ

- สินค้าต้องเป็นสินค้าที่ไม่สามารถหาได้ในโลกแห่งความเป็นจริง

- สินค้าต้องเป็น niche product & niche marketing หมายถึงต้องเป็นสินค้าเฉพาะเจาะจง

- สินค้าต้องมีความต้องการในตัวของมันเอง

- ในกรณีที่จะขายสินค้าในอินเตอร์เน็ต หากไม่ใช่สินค้าแฟชั่น สินค้าต้องไม่เสื่อมค่าในเวลาอันรวดเร็ว เช่น notebook(เสื่อมค่ารวมเร็ว)

- สินค้าต้องมีอายุการใช้งานค่อนข้างยาว

- สินค้าต้องมีกำไรในอัตราส่วนที่มากกว่าธุรกิจปรกติ

พอได้ไอเดียบ้างไหมครับ จริง ๆการหาสินค้าถือเป็นเรื่องสนุกนะครับ หากเรามีสติ ใจเย็น ค่อยๆหาสินค้าไปเรื่อย ๆเราอาจจะเจอสินค้าที่ดี ๆได้ แต่อย่าใจเย็นมากเกินไปนะครับ เดี๋ยวจะไม่ทันกิน

สำหรับการขายสินค้าตามแฟชั่นหรือสินค้าตามเทรนด์ ต้องระวังเรื่องการตกยุคให้ดีนะครับ สินค้าตามเทรนด์จะได้กำไรดีมากในช่วงแรกที่คู่แข่งยังไม่เยอะมาก แต่จะขายดี(แต่กำไรกลางๆ)ในช่วงที่คู่แข่งเริ่มเยอะ แต่ทุกคนจะขาดทุนทันที หากเทรนด์เริ่มหมด ลองดูตัวอย่างจากกรณีจตุคามหรืออูคูเลเล่ก็ได้นะครับ ว่าง่าย ๆถ้าจะโกย ก็ต้องรีบโกย แต่ถึงเวลาต้องหลบ ก็ต้องระบายสต็อคในทัน ดังนั้น ผมจึงมักเรียกการซื้อขายสินค้าตามเทรนด์ว่า สนุกแบบเสี่ยง ๆ

Post a Comment

*
* (will not be published)

Blue Captcha Image
Refresh

*


six + 7 =